แนะนำเกม Far Cry 6: Lost Between Worlds ปฏิวัติชาติอยู่ดี ๆ เกิดอีกทีไปโผล่มัลติเวิร์ส
แนะนำเกม Far Cry 6: Lost Between Worlds ที่มาพร้อมเนื้อหาสุดแปลกแหวกแนว จากการปฏิวัติชาติบ้านเกิดอยู่ดี ๆ แต่ฟื้นมาอีกที ต้องไปผจญภัยในมัลติเวิร์สแบบนี้ล่ะ ความกาวของมันจะช่วยให้เกมสนุกขึ้นหรือไม่ มาดูรีวิวของเรากันได้
Story
เรายังคงรับบทเป็น แดนี่ โรฮาส ตัวเอกคนเดิมจากเกมหลักภาค 6 ขณะที่เขากำลังกินลมชมวิวบรรยากาศยามเย็นอยู่นั้น วัตถุปริศนาก็ตกมายังเมืองยารา และเมื่อแดนี่เข้าไปตรวจสอบ เขา (หรือเธอ) ก็ถูกพลังงานบางอย่างทำร้าย เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยพลังบางอย่างของเฟย์ สิ่งมีชีวิตลึกลับที่บอกว่าตอนนี้เราติดอยู่ในรอยแยกพหุพิภพของยารา และถ้าจะรอความช่วยเหลือก็คงต้องรอไปอีก 5 ล้านปี หากอยากจะออกไปด้วยตัวเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกไปสำรวจและเผชิญหน้ากับความบิดเบี้ยวของมิติที่เป็นเหมือนกับพหุพิภพ หรือ Multiverse เพื่อตามหาผลึก 5 อันที่จะมาช่วยซ่อมแซมยานของเฟย์
สำหรับส่วนของเนื้อเรื่อง ด้วยความที่ภาคหลักของเกมเป็นปลายเปิดอย่างที่เราได้เห็นกัน หากมีเนื้อเรื่องเพิ่มเติม หลายคนอาจคาดหวังให้เกมเล่าเนื้อเรื่องต่อ เพราะอยากเห็นความเป็นไปของเหล่าตัวละคร น่าเสียดายที่ไม่รู้ทีมสร้างนึกสนุกอะไร จึงสร้างเนื้อหาสุดกาวตัวนี้ขึ้นมา ส่วนการเล่าเรื่องก็เหมือนหนังสองคู่หูผจญภัย ที่เราจะได้เห็นแดนี่และเฟย์ ตบตีและจิกกัดกันแทบจะตลอดเวลา เป็นบทสำเร็จรูปของหนังแอ็คชั่นคอเมดี้ ที่ใส่ความเป็นไซไฟเข้ามาด้วย ใครที่คาดหวังว่ามันจะเล่าเรื่องอะไรต่อจากเกมหลักก็ลืมไปได้เลย เพราะคุณจะไม่ได้เห็นอะไรแบบนั้นแน่ ๆ ซึ่งหากมองว่านี่เป็นตัวเสริมที่มีราคาสูงถึง 800 บาท แต่เหมือนได้โหมดเกมย่อยมาอีกโหมดที่เป็นการใส่ Skin ของเกม Far Cry เข้าไป มันไม่ได้ช่วยให้น่าสนใจขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยจริง ๆ
Presentation
หากจะมีส่วนไหนที่น่าให้คะแนนมากที่สุดของ Expansion Lost Between Worlds ตัวนี้ ก็คงต้องเป็นส่วนของการนำเสนอ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ทีมงานออกแบบของ Ubisoft โดยเฉพาะทีมที่ทำ Far Cry นั้น มีไอเดียบรรเจิดอยู่ตลอดเวลาในด้านงานศิลป์และงานออกแบบ ฉากต่าง ๆ ภายใน Expansion ตัวนี้ จะเป็นการหยิบเอาบางส่วน บางอย่าง หรือบางพื้นที่ของยารา มายำรวมกันใหม่ และใส่ความหลุดโลก ความบิดเบี้ยวเข้าไป จนมันออกมาน่าพิศวงและสวยงามในเวลาเดียวกัน เราจะได้เห็นเอสเปรานซ่า เมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกมภาคนี้ ในสภาพใต้บาดาล ได้เห็นพื้นที่ต่าง ๆ ที่ถูกมิกซ์ผสมกันใหม่ แม้ว่าบางพื้นที่จะไร้ลูกเล่น และแห้งแล้งมาก ๆ แต่เรื่องของความสวยงามและสีสันฉูดฉาดบาดตานั้น ยกให้เป็นความยอดเยี่ยมของ Expansion ตัวนี้
น่าเสียดายที่ถ้าหากมองอีกมุม มันก็คือการที่มันไม่ได้เพิ่มอะไรใหม่เข้ามาเลย เป็นแค่การหยิบยกเอา Asset เก่า ๆ ที่มีอยู่มาแล้ว มาปรุงใหม่ให้ดูเหมือนอาหารจานใหม่ แม้แต่รูปแบบศัตรูเอง หากใครเล่น Rainbow Six Extraction มา ก็อาจจะคุ้นเคยอยู่บ้าง เพราะรูปทรงของการออกแบบ แทบจะหยิบยืมเอามาใช้กันแบบโต้ง ๆ รวมไปถึงอาวุธทั้งหลายก็เป็นการหยิบยืมเอาจากเกมเต็มดั้งเดิมทั้งสิ้น แต่ใส่ลวดลายต่าง ๆ ที่เป็นธีมเดียวกันกับตัว DLC ลงไปแทน กล่าวง่าย ๆ ว่า มันไม่ใช่การ Create ของใหม่ขึ้นมาเลย แต่เป็นการนำเอาของเดิมที่มีอยู่แล้วมาใช้ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะต้องชื่นชมจริง ๆ ว่า เป็นการเอามายำรวมกันใหม่ได้อย่างชาญฉลาดและครีเอทีฟมาก แต่ไม่อาจปฏิเสธได้จริง ๆ ว่ามันไม่ได้สร้างอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาเลย นอกจากพล็อตเนื้อเรื่องสุดกาว
และจนถึงกระทั่ง Expansion ตัวล่าสุดนี้ ตัวเกมก็ยังคงได้รับการแปลเป็นภาษาไทยอยู่ ส่วนตัวแล้วนั้น สำหรับผม Far Cry 6 ถือเป็นเกมที่แปลภาษาไทยได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของเกมทั้งหมดที่เคยมีการแปลมา เพราะมันไม่ใช่แค่การแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจได้ แต่มีการ Localize ปรับเปลี่ยนบริบท ใช้คำ ใช้ภาษาที่ทันสมัย และคนไทยเข้าใจได้เป็นอะไรที่ดีงามเหมือนเดิม และการแปลบริบทของการตบตีกันระหว่างตัวเอกอย่างแดนี่ กับสิ่งมีชีวิตลึกลับอย้างเฟย์ ก็ให้อารมณ์เหมือนการ์ตูฯคู่หูดูโอ้ที่เราเจอกันมาหลายเรื่องอย่างเช่น ปรสิต เป็นต้น แต่จะมีความตลก ความฮาแบบทื่อ ๆ มากกว่า
ถ้าถามว่าคะแนนส่วนไหนที่น่าชื่นชม และยกนิ้วให้กับ Expansion ตัวนี้ ก็คงต้องเป็นส่วนของการนำเสนอที่เด็ดดวงจริง ๆ แม้จะเป็นการเอาของเก่ามาใช้เกือบทั้งดุ้น แต่ก็นำของเก่ามาปรุงใหม่ได้อย่างสวยงาม แต่.. มันกลับไม่ได้ทำให้หัวใจสำคัญของเกมการเล่นสนุกขึ้นเลยแม้แต่น้อย
Gameplay
Far Cry พยายามจะฉีกความเป็นตัวเองตลอดในทุก ๆ ครั้งที่มีการปล่อย DLC หรือ Expansion ใหม่ ๆ หากใครสังเกตดี ๆ เราจะเห็นถึงความพยายามนี้กันมาตั้งแต่ DLC ของ Far Cry 5 ไม่ว่าจะเป็น Dead Living Zombies หรือ Lost on Mars และ Hours of Darkness ซึ่งสำหรับคนที่ลองเล่นแล้ว ก็มักจะบอกเหมือนกันว่า มันไม่สนุก และสุดท้ายมันก็สลัดชื่อ Far Cry ทิ้งไมไ่ด้
และใน Lost Between Worlds นี้เองก็ด้วย แม้ว่าความทะเยอทะยานในการสรรหาเนื้อเรื่องจะหนักถึงขั้นพาไปลุยพหุพิภพ แต่สุดท้ายแล้วในส่วนของเกมเพลย์ มันก็ยังเป็นการเอาระบบของ Far Cry ใส่มาทั้งดุ้นโดยพยายามสร้างความแตกต่างด้วยอะไรที่ตื้นเขินและไม่สนุกอย่างมาก อย่างใน DLC ทั้ง 3 ตัวก่อนหน้าก็พยายามจะนำเอาระบบ Roguelike ใส่เข้ามาในเกม และคราวนี้พวกเขาพยายามจะทำให้ Far Cry กลายเป็นเกม Metroidvania หรือเกมแนวตะลุยด่านที่มีการสำรวจฉาก ค้นหาอาวุธ ความสามารถใหม่ ทะลุสู่พื้นที่ถัดไป ถ้าตายจะย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ต้องเล่นใหม่อีกรอบ
ใน Lost Between Worlds ผู้เล่นจะเริ่มจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน เป้าหมายของเราคือการเก็บผลึกสีม่วงให้ครบทั้ง 5 ชิ้น เพื่อนำมาซ่อมยานของเฟย์ แต่การจะเข้าถึงผลึกทั้ง 5 ชิ้นได้นั้น จะต้องผ่านสภาพแวดล้อมต่าง ๆ และฝ่าฟันอุปสรรคไปให้ถึง โดยจะถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบ Metroidvania แต่ก็เป็น Metroidvania ที่ตื้นเขิน เพราะเกมนี้จะบอกถึงวิธีการไปถึงจุดหมายหมด เพียงกดดูแผนที่ เพียงแต่ในระหว่างด่านนั้น ผู้เล่นต้องลุยหากันเอาเองว่าประตูมิติที่เชื่อมไปยังแอเรียต่อไปนั้น อยู่ตรงไหน แต่มันก็ไม่ได้หายาก เพราะมันก็เป็นด่านแบบเส้นตรง เดินหน้ายิง ไขปริศนาตื้น ๆ แปปเดียวก็ถึงแล้ว
และความพยายามอีกอย่างคือการจะทำให้การต่อสู้มันหลากหลาย ด้วยการออกแบบศัตรูให้มี 2 สี คือสีแดง กับสีน้ำเงิน และเราต้องยิงศัตรูด้วยกระสุนให้ถูกสี ปืนเราทุกกระบอก สามารถเปลี่ยนสีกระสุนได้ ถ้าศัตรูเป็นสีแดง ต้องใช้กระสุนสีแดงยิง ถ้าเป็นสีน้ำเงินต้องใช้กระสุนสีน้ำเงินยิง คือมันเหมือนจะหลากหลาย แต่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่ามันเป็นการออกแบบที่ไร้ซึ่งความลุ่มลึก มันมักง่ายในการออกแบบมาก ๆ เหมือนถูกเร่งให้ต้องคิดถึงความหลากหลายในการสู้ แต่ทีมงานไม่มีเวลาคิดแล้ว เอาแบบนี้ไปเลยแล้วกัน แถมวิธีการเปลี่ยนสีกระสุนนั้น ในช่วงแรกของการเล่น ระบบสอนจะสอนวิธีการเปลี่ยนสีกระสุน ซึ่งวิธีเปลี่ยนก็คือกดปุ่ม L ซึ่งมันอยู๋ห่างจาก W-A-S-D แบบคนละฝั่ง ทำให้การสลับสีกระสุนยากแบบงง ๆ สุดท้ายจึงต้องเข้าไปตั้งค่าปุ่มเองให้มันอยู่ใกล้มือมากกว่านี้ และทำให้เกมการเล่นสะดวกมากขึ้น ส่วนนี้ก็งงเหมือนกันว่าทีมงานเขาคิดอะไรอยู่ในเรื่องการตั้งค่าปุ่ม
ต่อมาเรื่องของเกมเพลย์การเล่น ปัญหานี้เองก็อยู่คู่กับ Far Cry มาตั้งแต่สมัย DLC ชุดแรกของ Far Cry 6 คือการที่เขาเอาเกมเพพลย์ มูฟเมนท์ต่าง ๆ จากภาคหลักมาโยนใส่เกมแนวอื่นโดยไม่ได้ปรับปรุงอะไรเลย คือ Far Cry มันเป็นเกมที่สนุก เมื่อมันเป็นแนวเกมของตัวเอง ซึ่งก็คือ Action Open World แต่พอมันถูกหยิบมาใส่แนวอื่น ทั้งการเคลื่อนไหวที่ยืดยาดอืดอาด แอนิเมชั่นการใช้อาวุธ การยิง เป้าส่าย และอื่น ๆ มันกลับทำให้เกมไม่สนุกอย่างมาก เคยเอาปืนจ่อระยะประชิดแต่ยิงไม่โดนก็มี ไม่รู้ Hitbox ของศัตรูถูกออกแบบมาอย่างไร
และเป็นอีกความพยายามที่ล้มเหลวอีกครั้งในการสร้างความหลากหลายในการต่อสู้ แม้จะใส่การแยกสีของศัตรูเข้ามา แต่ไม่น่าเชื่อว่าเกือบตลอดเกมการเล่น เราจะเจอศัตรูอยู่แบบเดียว คือพวกผลึกสีแดง น้ำเงินนี่แหละ มีบ้างที่เวลาไปฉากใต้น้ำจะเจอพวกปลา แต่มันก็วนเวียนอยู่ในขอบข่ายเดิม ๆ แถมอาวุธที่พวกมันใช้ก็เป็นแบบเดิม คือปืนกล ปืนสไนเปอร์ และพวกมันก็ยังคงโหดถึงขั้นที่สามารถ Aimbot ยิงเราโดนได้จากระยะไกล บางทีหาตัวพวกมันไม่เจอ แต่มันยิงโดนเราเฉย โผล่มานิด ๆ ก็ยิงเราได้ บอกเลยว่าถ้าใครคิดจะเล่นให้มันจบ ๆ ไม่ชอบความท้าทาย ก็กดโหมดง่ายไปเลย แต่พูดตรง ๆ คือเกมมันก็ไม่ได้น่าเล่นถึงขั้นจะให้เราเสียเวลากดโหมดยากอะไรอยู่แล้วด้วย
กว่าจะฝ่าฟันไปถึงผลึกทั้ง 5 ว่ายากแล้ว แต่หลังจากถือผลึกเรายังต้องลุยด่านสุดท้ายอีก และถ้าผู้เล่นพลาดท่าตายขึ้นมา หากเรามีไอเท “แสงระยิบ” ไม่เพียงพอ ก็โน่นเลย ย้อนไปเกิดใหม่แต่แรก และต้องเผชิญหน้าฉากเดิม ศัตรูตัวเดิมที่กินเวลานานและชวนน่าเบื่อสุด ๆ ใครเล่นจบนี่คือความอดทนสูงมาก แม้เกมมันจะไม่ได้ยาวมากนักก็ตาม โชคดีที่หลังจากไปถึงผลึกบางชิ้น เราจะปลดล็อคไอเทมบางอย่างเช่นกุญแจ ระเบิด ที่เอาไว้เปิดทางลัดด่านได้ ไม่อย่างนั้นคงเล่นไม่จบเป็นแน่แท้
กล่าวคือท้ายที่สุดแล้ว Far Cry มีความพยายามจะแหกกรอบ แหวกแนว แต่มันกลับไม่ยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองเป็น ยังมีส่วนของ Puzzle ที่ออกแบบมาได้ตื้นเขิน และไม่สนุกอีก ทำให้ Gameplay ของ Lost Between Worlds นั้น ไม่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายเลยแม้แต่น้อย กลับไปเล่นเกมหลักในโหมด New Game+ ยังอาจจะสนุกกว่า
Performance
Dunia Engine ที่ใช้พัฒนา Far Cry นั้น มาไกลอย่างมาก และในภาคนี้ ก็ถูกทีมสร้างเขามาระเบิดไอเดีย สร้างโลกพหุพิภพสุดยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็ยังน่าชื่นชมในส่วนของ Performance ตัวเกมที่ทำออกมาได้ดีเหมือนเดิม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อเปิดเกมเล่นไปนาน ๆ แล้วจะเกิดอาการเฟรมเรทดรอปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นกับเกมหลักมาแล้ว แถมพอมาใน Expansion ตัวนี้ ปัญหาเดิมก็ยังคงอยู่ แต่คาดได้ว่ามันเป็นบ่อยขึ้น เพราะกราฟิกที่จัดเต็มมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัญหานี้พอเจอบ่อย ๆ เข้าก็น่ารำคาญได้ และที่สำคัญคือ ใน Expansion นี้ เราไม่สามารถออกเกมเข้าใหม่ได้ตามใจง่าย ๆ เพราะถ้าออกโดยที่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย ก็อาจจะต้องย้อนไปเริ่มใหม่หมด งานนี้เฟรมเรทดรอปแค่ไหนก็ถูไถลุยกันต่อไปทั้งอย่างนั้นแต่สำหรับส่วนอื่น ๆ ก็ถือว่าน่าประทับใจ และเป็นอีกหนึ่งคะแนนที่มอบให้ในด้านของ Performance ที่ยังรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ดีสำหรับซีรีส์ Far Cry
อีกครั้งที่ Far Cry พยายามจะทำอะไรใหม่ ๆ แต่ไม่ยอมทิ้งชื่อ Far Cry การต่อสู้ที่ไม่สนุก Puzzle ที่ไม่สร้างสรรค์ นำของเดิมมาใช้ซ้ำทั้งจากเกมตัวเองและเกมอื่น ทำให้ Lost Between Worlds ห่างไกลจากคำว่า “สนุก” และไม่คุ้มราคาที่จะต้องจ่ายเพิ่ม
เว็บไซต์รวบรวม เกมสร้างรายได้ ข่าวเกม อัพเดทเกมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เกมไทย เกมต่างประเทศ เกมออนไลน์ 2021 เกมบาคาร่า เกมไพ่ป๊อกเด้ง เกมสล็อต ที่กำลังเป็นที่นิยม
แนะนำเกมใหม่ 2021 มีการอัพเดททุกวัน เกมสร้างรายได้ อันดับ 1 หลากหลายค่าย คาสิโนสด สล็อตออนไลน์ บาคาร่าออนไลน์
ติดตามข่าววงการเกมไปกับ Game88s
อยากอัพเดทข่าวสารวงการเกมก่อนใคร แอดมาที่นี่ Line : @GAME88s