แนะนำเกม Need for Speed Unbound เกมแข่งรถที่ฉีกแนวทางเดิมในรอบหลายภาค
แนะนำเกม Need for Speed Unbound ได้เปิดให้เล่นล่วงหน้าอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับคนที่ซื้อเกมรูปแบบ Palace Edition ส่วนคนที่ซื้อเกม Standard Edition จะปลดให้เล่นในวันที่ 2 ธันวาคมที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการต้อนรับความไฮป์ของภาคใหม่ นี่คือ 7 สิ่งที่เราคาดหวังจาก NFS Unbound เกมแข่งรถที่ฉีกแนวทางเดิมในรอบหลายภาค
เกมเพลย์สนุกสนานยิ่งขึ้นจากที่เริ่มลงตัวในภาค Heat
นับตั้งแต่ Need for Speed ภาค Reboot จนถึง Payback เกมดังกล่าวมีกระแสตอบรับจากแฟน ๆ ที่ค่อนข้างแย่ ด้วยคุณภาพเกมโดยรวมที่อธิบายได้ว่า “ก้าวข้างหน้าไป 1 ก้าว แต่ก็ถอยหลังลงครองไปอีก 2 ก้าว” ทำให้ตอนนั้นแฟรนไชส์ NFS กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตก็ว่าได้
แม้ภาคล่าสุด Heat ไม่ใช่เกม NFS ที่ดีที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นภาคที่มีความกลมกล่อม เริ่มไปถูกทางหลังจากหลงทิศมาแล้วถึง 2 ภาคติดต่อกัน ด้วยการตัดระบบ Speed Card ออกไป แล้วปรับปรุงเกมโดยรวมให้ดีขึ้นกว่าภาคก่อนหน้านี้ ฉะนั้นเราจึงคาดหวัง ทีมงานจะนำเกมเพลย์จากภาค Heat มาพัฒนาต่อยอดให้ดีกว่าเดิมก็พอแล้ว
ตัวเกมมีการสนับสนุนในระยะยาว ไม่ทิ้งเกมเร็ว
Need for Speed Heat มีระยะเวลาในการสนับสนุนเพียงแค่ราว 7 เดือนเท่านั้น ทำให้เกมดังกล่าวมีคอนเทนต์ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับเกมแข่งรถ Open-World ไตเติลอื่น ๆ
แม้ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนว่าทำไมภาค Heat ถึงยุติการสนับสนุนอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงเวลานั้น ทีมพัฒนา Ghost Games ได้เกิดการปฏิรูปภายในองค์กรจนเปลี่ยนชื่อใหม่กลายเป็น EA Gothenburg แล้วย้าย IP เกม NFS ให้ Criterion Games เป็นทีมสานต่อจาก Ghost Games ซึ่งเหตุการณ์อาจจะส่งผลกระทบต่อการสนับสนุน NFS Heat ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Criterion Games มีประสบการณ์การสร้างเกมแข่งรถมาอย่างโชกโชน เราจึงคาดหวังว่า NFS Unbound จะเป็นทั้งเกมดี และเกมที่มีคอนเทนต์อีกมากมายหลังเกมวางจำหน่ายแล้ว
เนื้อเรื่องไม่ต้องลึกซึ้งมาก ขอให้สนุกเต็มอิ่มก็พอ
เนื้อเรื่อง Need for Speed ไม่ได้เป็นที่น่าจดจำสักภาค และแฟน ๆ เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเนื้อเรื่องต้องดีเลิศล้ำลึกขนาดนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าสตอรี่ของเกม NFS แต่ละภาคนั้นจะมี “ความฝืน” บางอย่างที่ทำให้เราชวนกุมขมับ (Cringe) อยู่เสมอ
แม้ NFS Heat มีเนื้อเรื่องน่าสนใจ ดูมีศักยภาพ เพราะมีการเล่นประเด็นเกี่ยวกับคอร์รัปชันในวงการตำรวจก็จริง แต่สุดท้าย เนื้อเรื่องของเกมดังกล่าวก็ต้องตกม้าตายด้วยจังหวะเล่าเรื่องที่เร่งเร็วจนตามไม่ทัน และปัญหาต่าง ๆ สามารถแก้ไขได้ง่ายเกินไป เราจึงคาดหวังว่าทีมงานจะใส่ใจกับคุณภาพเนื้อเรื่องมากกว่านี้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าเนื้อเรื่องต้องล้ำลึกจนเป็นนวัตกรรมของเกม NFS แต่ขอให้สนุกสนานเต็มอิ่มเหมือนหนังจกป็อปคอร์นก็พอแล้ว
รักษามาตรฐานระบบตกแต่งรถยนต์ไว้
หากพูดถึงสิ่งหนึ่งที่ Need for Speed สามารถเอาชนะเกมแข่งรถไตเติลอื่นได้อย่างขาดลอย ก็คงไม่มีทางหนีพ้น ฟีเจอร์แต่งรถที่มีตัวเลือกให้ Customize มากมาย ตั้งแต่ภาพลักษณ์จนถึงลวดลาย Livery ซึ่งคุณจะแต่งรถคันโปรดให้มีลักษณะเรียบหรู หรือฉูดฉาดสไตล์วัยรุ่นก็ได้
แน่นอนว่า NFS Unbound มีฟีเจอร์การแต่งรถใหม่ ที่ให้สามารถถอดกระจังหน้า-หลังของรถ, เลือกเอฟเฟกต์ต่าง ๆ และเลือกป้ายทะเบียนสไตล์ญี่ปุ่นได้แล้ว และถ้าหากตัวเกมมีการสนับสนุนในระยะยาว ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นตัวเลือกการแต่งรถที่หลากหลายขึ้นก็เป็นไปได้
A$AP Rocky มีบทบาทน่าจดจำ
เป็นครั้งแรกของเกม Need for Speed ที่นำเอาแร็ปเปอร์ชื่อดังมาใช้เป็นตัวละครในโลกวิดีโอเกม ซึ่งหากอ้างอิงจาก Trailer ที่เปิดตัวมาแล้วหลายวิดีโอในช่วงก่อนหน้านี้ A$AP Rocky จะมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นหนึ่งในผู้จัดการแข่งขันผิดกฎหมายสุดยิ่งใหญ่ “The Grand” แล้วด้วยบุคลิกเป็นคนเท่ ๆ สมกับแร็ปเปอร์ มีการใช้คำพูดอย่างสร้างสรรค์ เราจึงคาดหวังว่า A$AP Rocky ใน NFS จะเป็นตัวละครที่มีอะไรมากกว่าแค่แขกรับเชิญเพียงอย่างเดียว
เป็นเกม Need for Speed ที่ภาพสวยงาม สมกับเกมยุคปัจจุบัน
Need for Speed Unbound เป็นเกม Next-Generation อย่างแท้จริง ด้วยการยืนยันว่าจะลงให้เฉพาะระบบ PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X/S เนื่องจากตัวเกมไม่ได้ลงเกมคอนโซลรุ่นเก่าอย่าง PlayStation 4 กับ Xbox One จึงทำให้เกมนี้สามารถอวดโฉมประสิทธิภาพกับกราฟิกแบบจัดเต็ม เพราะไม่ต้องทำเกมเผื่อลงเกมคอนโซลรุ่นเก่าอีกต่อไป เราจึงคาดหวังว่ากราฟิกเกมภาค Unbound จะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษโดดเด่นจากเกมอื่นไม่มากก็น้อย
ติดตามข่าววงการเกมไปกับ Game88s
อยากอัพเดทข่าวสารวงการเกมก่อนใคร แอดมาที่นี่ Line : @GAME88s